ความน่าสนใจของงานศิลปะชุดนี้ นอกจากเป็นผลงานประติมากรรมรูปสุนัขเทคนิคหล่อด้วย Fiber glasss ที่มีสีสันสดใสแล้ว ยังเป็นการนำเสนอเกี่ยวกับสุนัขพิการ เพื่อสื่อว่าสุนัข สัตว์เลี้ยงที่หลายคนบอกว่าเป็นเพื่อนที่ดีสุดของมนุษย์นั้น แม้ในอยู่ในสภาพที่ไม่สมประกอบ ก็ไม่มีอะไรมาพรากความสดใสน่ารักของมันไปได้
“ผมเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมเคลื่อนไหวกับมวลมหาประชาชนที่มีจำนวนเป็นแสนเป็นล้านคน มันยุติธรรมแล้วเหรอ ว่าผมเป็นศิลปิน กปปส. ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ผมเคลื่อนไหวด้วยความเป็นอิสระของผมคนเดียว ผมไม่ได้รับใบสั่งจาก กปปส. โอเค ผมกับกปปส.มีสิ่งที่เห็นด้วยตรงกัน เราถึงได้ร่วมกันได้ในหลายๆจุด แต่จะมาปะชื่อว่าผมเป็นศิลปิน กปปส.ถูกต้องแล้วหรือ”
ขณะที่เด็กๆหลายคนกำลังเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน เติบโตท่ามกลางชีวิตที่ทันสมัยและมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ลูกๆของ Niki Boon กับมีชีวิตที่ตรงกันข้าม นั่นคือ พวกเขาไม่ได้ไปโรงเรียน (เพราะศึกษาในระบบบ้านเรียน หรือ Home school) เติบโตในบ้านที่มีทีวี คอมพิวเตอร์ มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทันสมัย แต่ได้มีโอกาสคลุกโคลน วิ่งเล่น และใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและอากาศที่บริสุทธิ์
สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย คือการสื่อสารกับสังคมว่า ในทุกๆคน ทุกๆอาชีพ ทุกๆหน้าที่ ควรมีสิทธิที่จะเลือกมองไม่ว่าจะมองในมุมใดๆ จะเห็นดวงดาวพร่างพรายหรือจะเห็นเพียงโคลนตมก็ตาม สิ่งที่น่ายินดีคือการที่ยังมี “ช่อง” ให้เรามอง หากเราอยู่ในสังคมที่ปราศจาก “ช่อง” ให้มองแล้วเราก็จะไม่เห็นอะไรเลยนอกเสียจากตัวเองกับกรอบความคิดที่แบนราบ