“ผมเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมเคลื่อนไหวกับมวลมหาประชาชนที่มีจำนวนเป็นแสนเป็นล้านคน มันยุติธรรมแล้วเหรอ ว่าผมเป็นศิลปิน กปปส. ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ผมเคลื่อนไหวด้วยความเป็นอิสระของผมคนเดียว ผมไม่ได้รับใบสั่งจาก กปปส. โอเค ผมกับกปปส.มีสิ่งที่เห็นด้วยตรงกัน เราถึงได้ร่วมกันได้ในหลายๆจุด แต่จะมาปะชื่อว่าผมเป็นศิลปิน กปปส.ถูกต้องแล้วหรือ”
ขณะที่เด็กๆหลายคนกำลังเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน เติบโตท่ามกลางชีวิตที่ทันสมัยและมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ลูกๆของ Niki Boon กับมีชีวิตที่ตรงกันข้าม นั่นคือ พวกเขาไม่ได้ไปโรงเรียน (เพราะศึกษาในระบบบ้านเรียน หรือ Home school) เติบโตในบ้านที่มีทีวี คอมพิวเตอร์ มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทันสมัย แต่ได้มีโอกาสคลุกโคลน วิ่งเล่น และใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและอากาศที่บริสุทธิ์
สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย คือการสื่อสารกับสังคมว่า ในทุกๆคน ทุกๆอาชีพ ทุกๆหน้าที่ ควรมีสิทธิที่จะเลือกมองไม่ว่าจะมองในมุมใดๆ จะเห็นดวงดาวพร่างพรายหรือจะเห็นเพียงโคลนตมก็ตาม สิ่งที่น่ายินดีคือการที่ยังมี “ช่อง” ให้เรามอง หากเราอยู่ในสังคมที่ปราศจาก “ช่อง” ให้มองแล้วเราก็จะไม่เห็นอะไรเลยนอกเสียจากตัวเองกับกรอบความคิดที่แบนราบ
บรรดาคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย คุณเลือกที่บันทึกพัฒนาการของลูกน้อยกลอยใจของตนเองไว้ในรูปแบบใด ….ถ่ายภาพ,สเก็ตช์เก็บไว้ด้วยลายเส้นของดินสอหรือปากกา,ใช้สีวาดเก็บไว้เป็นภาพเขียน ฯลฯ
“สวยงาม…แต่ก็ทำให้รู้สึกเศร้ามากๆ” ผู้ชมหญิงชาวต่างชาติรายหนึ่งเผยความรู้สึก พร้อมมีน้ำตาคลอ หลังจากที่ผ่านการชมภาพถ่ายจำนวนหลายภาพที่จัดแสดงในนิทรรศการ “การเดินทางอันยาวนาน” นิทรรศการแสดงภาพถ่ายเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยและผู้อพยพทั้งในยุโรปและในเอเซีย ของ Agence France Presse หรือที่คนทั่วไปรู้จักดีในชื่อ สำนักข่าว AFP (เอเอฟพี) เนื่องจากภาพถ่ายแต่ละภาพได้สะท้อนถึงชะตากรรมของผู้ลี้ภัยและผู้อพยพอย่างแจ่มชัด