ปัญหาใหญ่ของ “โดนัลด์ ทรัมป์”’ อาจโดน 37 ประเทศติดแบล็กลิสต์

จากคำตัดสินในคดี “สัญญาค่าปิดปาก” ทำให้ “โดนัลด์ ทรัมป์” ถูกนับเป็นอาชญากรอย่างเป็นทางการ เรื่องนี้อาจมีผลกระทบตามมา รวมถึงแผนการเดินทางของเขาในอนาคตด้วย เพราะมีหลากหลายประเทศทั่วโลกมีกฎระเบียบที่ห้ามผู้ต้องหาเข้าประเทศ รวมกว่า 37 ประเทศ เรียกได้ว่าแทบทั่วทั้งโลก มีครบทุกทวีปกันเลยทีเดียว

คำตัดสินที่ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ละเมิดกฎหมายโดยปิดบังการจ่ายเงินลับๆ ให้กับ “สตอร์มี แดเนียลส์” ดาราหนังโป๊ เนื่องจากความร้ายแรงของอาชญากรรม เขาเป็น “ผู้ต้องหาในคดีอาญา” ซึ่งเป็นอาชญากรที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบในสหรัฐอเมริกา แต่หลายประเทศปฏิเสธการเข้าประเทศด้วย นั่นอาจเป็นปัญหาสำหรับประธานาธิบดีในอนาคต

เนื่องจากในบรรดา 37 ประเทศที่มีข้อจำกัด ก็ยังมีประเทศที่สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิดด้วย อย่างเช่น แคนาดา การเดินทางเยือนแคนาดาครั้งแรกตามธรรมเนียมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ อาจถูกยกเลิกได้ เพื่อนบ้านทางตอนเหนือของสหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้อาชญากรที่ถูกตัดสินลงโทษเข้าประเทศ

ทั้งนี้ เพราะประเทศหุ้นส่วนที่สำคัญบางแห่ง ยังบังคับใช้กฎเหล่านี้อย่างเคร่งครัด และมักสอบถามเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม ในระหว่างขั้นตอนการขอวีซ่าหรือที่ชายแดนอย่างจริงจัง โดยปกติแล้ว สหราชอาณาจักรออสเตรเลีย และอิสราเอล จะปฏิเสธวีซ่าเข้าประเทศสำหรับอาชญากรที่ถูกตัดสินลงโทษ ส่วนประเทศอื่นๆ ที่มีความสำคัญในด้านนโยบายต่างประเทศ เช่น จีน บราซิล และอินเดีย ก็ใช้แนวทางนี้เช่นกัน โดยรวมแล้ว 16 รัฐจะตั้งคำถามเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม รวมถึงอเมริกาเองด้วย ประกอบด้วย อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, จีน, สหราชอาณาจักร, อินเดีย, อิหร่าน, อิสราเอล, ญี่ปุ่น, แคนาดา, เคนยา, คิวบา, มาเก๊า, นิวซีแลนด์, แอฟริกาใต้, ไต้หวัน และ สหรัฐอเมริกา

แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีอีก 22 รัฐที่ออกคำสั่งห้ามอาชญากร แต่ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องนี้เมื่อเข้าประเทศ อย่างไรก็ตาม หากรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นอาชญากรหรือถูกจับได้ ก็ยังอาจถูกปฏิเสธการเข้าประเทศได้ รัฐเหล่านี้ได้แก่ อียิปต์, เอธิโอเปีย, บราซิล, ชิลี, สาธารณรัฐโดมินิกัน, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, ไอร์แลนด์, กัมพูชา, มาเลเซีย, มาร็อกโก, เม็กซิโก, เนปาล, เปรู, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, เกาหลีใต้, แทนซาเนีย, ตูนิเซีย, ตุรเกีย, ยูเครน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

โดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะถูกห้ามเข้าประเทศเหล่านี้ในฐานะพลเรือน แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ ในระหว่างการเยือนอย่างเป็นทางการ ในฐานะประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ถึงตอนนั้นรัฐบาลอาจพยายามค้นหาทางออก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางกฎหมายของแต่ละประเทศ