ในบางครั้งประชาชนก็ต้องดูแลกันเอง ดังที่เราเห็นได้จากการออกมาช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ เพื่อในโลกและสังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งมีมากมายหลายคนทั้งที่เห็นภาพชัดเจน และบางคนที่ขอทำดีแบบเงียบๆ ต่อไป…ซึ่งก็มีหลายคนที่เราก็อยากจะหยิบยกเพื่อเป็นตัวอย่างของคนที่ทำดี เสียสละเพื่อให้สังคมน่าอยู่
ยังฮอตไม่หยุดกับหนุ่ม “ทราย สก๊อต” ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลภิรมย์ภักดี แม้จะเติบโตในครอบครัวที่มีชื่อเสียง แต่ทรายเลือกเส้นทางชีวิตที่แตกต่าง เขาหันมาทุ่มเทให้กับการอนุรักษ์ทะเลไทยอย่างจริงจัง ทรายกลายเป็นที่รู้จักในนาม “อควาแมนเมืองไทย” เมื่อเขาว่ายน้ำเดี่ยวข้ามทะเลจากหาดอ่าวนางไปเกาะปอดะและกลับ รวมระยะทางเกือบ 30 กิโลเมตร ใช้เวลา 6 ชั่วโมง เพื่อแสดงออกถึงความรักที่มีต่อท้องทะเล
ทรายยังเป็นผู้ก่อตั้งโครงการ “Sea You Strong” ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มนักอนุรักษ์ทะเล เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ เพื่ออนุรักษ์ท้องทะเล โดยได้จัดกิจกรรมว่ายน้ำข้ามทะเลในระยะทางไกลกว่า 70 กม. เป็นการว่ายข้าม 3 จังหวัดคือ กระบี่ พังงา และภูเก็ต เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้ผู้คนหันมาร่วมกันอนุรักษ์ทะเลไทย นอกจากนี้ เขายังเคยดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยไม่รับค่าตอบแทน เพื่อสะท้อนปัญหาทะเลทางภาคใต้ และสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ยกให้เป็นฮีโร่ไฮโซฝ่ายชายไปเลย!
ส่วนฮีโร่ไฮโซฝ่ายหญิงก็ต้องยกให้ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นักธุรกิจหญิงผู้ประสบความสำเร็จและมีบทบาทสำคัญทั้งในแวดวงกีฬาและสังคม เธอมีบทบาทในฐานะผู้นำที่ใช้พลังของกีฬาและการศึกษา เพื่อยกระดับโอกาสและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทย กระทั่งเมื่อปีที่แล้วได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย โดยมาดามแป้งจะร่วมสนับสนุนงานของยูนิเซฟในหลากหลายด้าน โดยจะเน้นไปที่การพัฒนาเด็กปฐมวัย การศึกษา การกีฬาเพื่อการพัฒนา การคุ้มครองเด็กจากภัยออฟไลน์และออนไลน์ และการขับเคลื่อนนโยบายคุ้มครองทางสังคมสำหรับเด็กและเยาวชนกลุ่มเปราะบาง
ล่าสุด เธอได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร จ.เชียงราย สะท้อนความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูชีวิตเด็กจากวิกฤตต่างๆ เธอเชื่อมั่นว่าเด็กทุกคนควรได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด เพื่อเติบโตอย่างมีคุณภาพในสังคมที่เอื้ออาทรและยั่งยืน
อีกหนึ่งสาวสวยหัวใจสีเขียวที่เราคุ้นหน้าเธอมานานในฐานะนักแสดง แต่หลังๆ “เชอรี่–เข็มอัปสร สิริสุขะ” ได้เปลี่ยนเส้นทางชีวิตจากแวดวงบันเทิง มาเป็นผู้ขับเคลื่อนงานเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากโปรเจกต์ Little Forest และกิจกรรมปลูกป่า Little Big Green ที่ให้ความรู้และสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชนอย่างกว้างขวาง
อีกทั้งยังก่อตั้งแบรนด์ “สิริไท” (SiriThai) แบรนด์ธุรกิจเพื่อสังคมที่สนับสนุนเกษตรกรปลูกข้าวอินทรีย์ใน จ.สกลนคร ด้วยวิถีเกษตรธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เพียงช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้เกษตรกร แต่ยังช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศน์โดยรอบ ผ่านการอนุรักษ์ป่าและลดการใช้สารเคมี ทั้งยังให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีหัวใจสีเขียว และเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายคนในยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้ ก็ยังมีคนดังที่ช่วยเหลืองานด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ชีวิตความเป็นอยู่ของเพื่อนมนุษย์และสัตว์ร่วมโลก อีกมากมายหลายคน รวมถึงบรรดาครอบครัวนักธุรกิจตระกูลดัง ที่พากันจัดตั้งมูลนิธิต่างๆ เพื่อช่วยเหลือสังคม อาทิ ธีระพงศ์ ปังศรีวงศ์ เจ้าของอาณาจักรเกษมกิจ ที่มีการจัดตั้ง “มูลนิธิอาจารย์เกษม ปังศรีวงศ์” เพื่อสืบสานปณิธานและระลึกถึงคุณูปการของบิดา ซึ่งเป็นเภสัชกรไทยท่านแรกที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จากสถาบันเภสัชศาสตร์ในสหรัฐฯ โดยมูลนิธินี้จะคอยให้ทุนการศึกษา สนับสนุนการวิจัย และมอบเวชภัณฑ์แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง
“มูลนิธิสิริวัฒนภักดี” ก่อตั้งโดยตระกูลสิริวัฒนภักดี ซึ่งเป็นเจ้าของกลุ่มบริษัทไทยเบฟเวอเรจและแอสเสท เวิรด์ คอร์ป มูลนิธินี้มีบทบาทในการสนับสนุนกิจกรรมด้านศาสนาและวัฒนธรรมอยู่เสมอ, “มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี” ของตระกูลภิรมย์ภักดี ได้ดำเนินโครงการมอบทุนอาหารกลางวัน ให้กับนักเรียนในโรงเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในภาคเหนือ มาอย่างต่อเนื่องกว่า 38 ปี นอกจากนี้ ยังมี “โครงการ “สิงห์อาสา”” ซึ่งเป็นเครือข่ายอาสาสมัครภายใต้การสนับสนุนของบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาสังคมในด้านต่างๆ ทั่วประเทศ, “มูลนิธิปิติ ภิรมย์ภักดี” ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชนที่ขาดแคลน
ด้านตระกูลซอโสตถิกุล นอกจาก “มูลนิธิปอเต๊กตึ้ง” แล้ว ก็มีการดูแลหลายมูลนิธิ เช่น “มูลนิธิซีคอนสแควร์” ที่มักจะจัดกิจกรรมจิตอาสาเพื่อพัฒนาสังคม เช่น การปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และบริจาคสิ่งของจำเป็นให้กับชุมชน
ทั้งหมดที่กล่าวมาอาจจะไม่ครบถ้วน เพราะความที่คนไทยใจบุญก็จะมีการจัดตั้งมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือสังคมต่างๆ แต่อย่างน้อยๆ ความตั้งใจต่างๆ ของทุกคน ก็เป็นเครื่องสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม ผ่านการสนับสนุนด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพื่อสร้างความยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศชาติ
Comments are closed.