ถ้าพูดถึงมิสเวิลด์ สำหรับคนไทยใครๆ ก็ต้องคิดถึง “โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี” นางงามสัญชาติไทยแท้ ที่คว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ จุดกระแสนางงามบ้านเราให้กลับมาบูมแบบตูมตาม แต่สำหรับคนทั่วโลกแล้ว ถ้าคิดถึงมิสเวิลด์ต่างนึกถึงหน้าของ “จูเลีย เอเวลิน มอร์ลีย์” หรือที่แวดวงนางงามบ้านเราเรียกติดปากว่า “ป้าจู” เพราะเธอคือตัวแม่ ตัวมัม เป็นประธานองค์กรมิสเวิลด์ ที่ครองตำแหน่งมานานหลายสิบปี
เธอเป็นภรรยาม่ายของ เอริก มอร์ลีย์ ผู้ก่อตั้งเวทีประกวดมิสเวิลด์มาตั้งแต่ปี 2494 และได้เข้ามาสานต่องานหลังจากสามีเสียชีวิตเมื่อปี 2543 ในอดีตเธอเคยเป็นนางแบบ สมัยสาวๆ ก่อนจะตกหลุมรักและแต่งงานกับนักเขียนและโปรดิวเซอร์หนุ่ม อย่าง เอริก แล้วก็กลายมาเป็นหลังบ้านสนับสนุนงานสามีอย่างจริงจังหลังเขาเสียชีวิตลง
เธอช่วยผลักดันให้เวทีมิสเวิลด์ ไม่ได้เป็นเพียงการประกวดความงามแต่เน้น “ความงามอย่างมีคุณค่า” ให้สาวๆ ได้โชว์สมองและความสามารถ ไม่ต้องมาเผยสัดส่วนในชุดว่ายน้ำ และมุ่งเน้นทำงานเพื่อสังคม เสริมพลังอำนาจของสตรี ทำให้เธอได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของราชวงศ์อังกฤษ ในระดับชั้นตติยาภรณ์ หรือ CBE ถือเป็นขั้นสูง ที่รองเพียงแค่ เซอร์ หรือ เดม เท่านั้น
แม้ซีอีโอสาวคนนี้จะเลยวัยเกษียณแล้ว ตุลาคมปีนี้เธอจะมีอายุ 86 ปี แต่เธอไม่ยอมให้วัยมาเป็นอุปสรรค ยังคงทำงานกระฉับกระเฉง สนุกกับการแต่งตัว โดยเธอมีสไตล์ที่โดดเด่นจากการใส่ชุดสีสันสดใส เราจะเห็นเธอในเดรสสีสดๆ อย่าง สีส้ม สีแสด และลวดลายสดใส ด้วยเนื้อผ้าสไตล์ผ้าไหม ผ้าปัก สนับสนุนแฟชั่นท้องถิ่นอยู่เป็นประจำ และหยิบจับมาใส่คู่กับเครื่องประดับสไตล์หินร้อย สร้อยยาว หรือผ้าพันคอไหม ที่เสริมให้ดูมีสไตล์ไม่ธรรมดา
อีกสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของป้าจู ต้องยกให้กับทรงผม ที่มาในทรงเดิมตลอดด้วยผมสีดำสนิททรงตรงยาวเลยบ่า กับหน้าม้าบางๆ แบบพลิ้วไหว เผยลุคธรรมชาติที่เธอบอกว่านี่แหละสไตล์ที่มั่นใจ ต่างจากในอดีตเราจะเคยเห็นเธอรวบผมเกล้าทรงสูงสไตล์นางงามอยู่บ้าง
ขณะนี้ เธอได้เดินสายออกสื่อในประเทศไทย ร่วมกับสาวโอปอลและได้เล่าถึงเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กที่น่าสนใจว่า “คุณพ่อของดิฉันมีอาชีพเป็นช่างไฟ ชอบเล่นดนตรี และเพลงที่ได้ยินบนเวทีประกวดมิสเวิลด์ เป็นเพลงที่พ่อเธอแต่งเอง ซึ่งสามีได้ยินและชอบ จึงได้นำมาใช้กับเวทีมิสเวิลด์และใช้ต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้”
Comments are closed.